ผมดีใจนะครับที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ถูกเลือกให้ลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าก่อน ราสมุส ฮอยลุนด์
เพราะผมคิดว่า ‘แรชชี่’ เป็นผู้เล่นที่มีทักษะ และความสามารถเฉพาะตัว รวมถึงสัญชาติญาณของกองหน้ามากกว่าหัวหอกสายพันธุ์โคนม 🇩🇰
แถมในระบบ 3-4-2-1 น่าจะเหลือตำแหน่งการเล่นให้คุณพี่เขาลงเพียงแค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้น
คือศูนย์หน้า
จังหวะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0 ในวินาทีที่ 81 ของเกม เด็กผีทางบ้านอย่างผมโคตรดีใจแบบดับเบิ้ล
เพราะไม่ใช่แค่ปีศาจแดงออกนำคู่แข่งอย่างเดียว มาร์คัส แรชฟอร์ด ยังทำลายตาข่ายได้อีกต่างหาก
การเปิดฉากอย่างสะเด่าไปเลยอีน้อง มันน่าจะเพิ่มความมั่นใจให้ดาวเตะผู้นี้มิใช่น้อย เช่นเดียวกับสร้างความประทับใจให้กุนซือคนใหม่มิใช่เบา
‘ไอ้แรชกลับมาแล้วโว้ยยยย !!!’ ผมคำรามสนั่นในใจ
ทว่าหลังจากนั้น
สิ่งที่เห็นคือ…คือ…คือ…คือ…คือการเล่นแบบเหยาะๆ แหยะๆ และเอื่อยๆ เฉื่อยๆ เหมือนเดิม
จังหวะ 50-50 กูไม่เอา
จังหวะการปะทะ จังหวะเบียด จังหวะกระแทกกับคู่แข่งกูก็ไม่เอา
จังหวะพุ่ง จังหวะโฉบ หรือจังหวะวิ่งทำทางก็ดูเก้ๆ กังๆ ยังไงชอบกล
บอลที่ถูกแทงขึ้นมาให้เขาหน้าไลน์ถูกกองหลังคู่แข่งชิงจังหวะตัดไปเกือบทุกครั้ง
สัมผัสไม่ได้ถึงความดุดันอะไรเลยสักนิดเดียว
หลังจากที่ยิงประตูแรกในวินาทีที่ 81 ก็ไม่มีโอกาสสับไกยิงอีกเลย !!!
เทียบกับ ‘หน้าเป้า’ ของคู่แข่งอย่าง เลียม ดีแลป แล้วก็อยากสบถถึงของเหลวในลำไส้เป็นภาษาแมนคูเนี่ยน
แม้หัวหอกของ อิปสวิช จะทำประตูไม่ได้ แต่กลับคุกคามเกมรับพลางสร้างความระทมกบาลให้กองหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นระยะ
การเล่นของ เลียม ดีแลป เปี่ยมไปด้วยพลังงานที่ระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ตรงกันข้ามกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด อย่างสิ้นเชิง
นี่ถ้าปีศาจแดงไม่ได้ อองเดร โอนาน่า ช่วยเอาไว้คงตูดบานไปแล้ว
รูเบน อโมริม ทนดูอยู่ถึงนาทีที่ 68 แล้วตัดสินใจส่ง ราสมุส ฮอยลุนด์ ลงไปเป็นหัวหอกแทน
ส่วนกองหน้าทีมชาติเดนมาร์กที่อาจแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทมากกว่า แต่คุณภาพฝีเท้าก็ไม่สูงพอที่จะทำอะไรให้มันดีขึ้นได้
เห็นผู้เล่นในแผนกกองหน้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดปัจจุบันแล้วก็หนักใจแทนพ่อใหญ่คนใหม่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ยิ่งนัก
เพราะไม่ใช่แค่ มาร์คัส แรชฟอร์ด คนเดียว
ยังมี ราสมุส ฮอยลุนด์, โจชัว เซิร์คซี่, อันโตนี่ และอเลฮานโดร การ์นาโช่
หลังจบเกม รูเบน อโมริม ให้ปากคำนักข่าวหลายประเด็น แต่มีอยู่ประโยคหนึ่งที่เขาบรรจงบ้วนออกมาจากปากพลางถอนใจ
“We are going to suffer for a long period.”
“เราคงต้องทนทุกข์ทรมานกันไปอีกนานเลยทีเดียว”